
ในช่วงที่ประเทศไทยเข้าสู่ฤดูฝนแบบนี้ สำหรับการขับรถไฟฟ้าลุยน้ำ ปลอดภัยมากแค่ไหน เพราะหลายคนอาจเป็นกังวลว่ารถไฟฟ้าที่กำลังได้รับความนิยมอยู่ในขณะนี้ จะสามารถใช้งานได้อย่างปลอดภัยหรือไม่ ดังนั้นออโต้คาร์จะพาไปดูคำตอบกันเลย
รถไฟฟ้าลุยน้ำได้หรือไม่

ขอตอบเลยว่ารถไฟฟ้าสามารถใช้งานได้ตามปกติในช่วงฝนตก ในยามฝนตกฟ้าร้อง บางคนอาจไม่กล้าใช้อุปกรณ์ที่ใช้ไฟฟ้าและอาจเป็นห่วงว่าการใช้งานรถไฟฟ้าก็ต้องห้ามโดนน้ำไม่ต่างกัน แต่ความจริงแล้วรถไฟฟ้าสามารถใช้งานได้ตามปกติแม้โดนฝน เพราะมอเตอร์ แบตเตอรี่ และอุปกรณ์เชื่อมต่อระบบไฟฟ้า ต่างได้รับการปกป้องเป็นอย่างดีด้วยฉนวนไฟฟ้า รวมถึงมีเซ็นเซอร์ตรวจจับไฟฟ้ารั่ว และระบบป้องกันการลัดวงจรลงดิน (Ground Fault Protection) ที่ช่วยให้มั่นใจได้ว่าปลอดภัย แต่ในช่วงฝนตกก็ต้องระวังไม่ต่างจากการขับรถเครื่องยนต์สันดาป คือ ไม่ควรขับรถโดยใช้ความเร็วให้เหมาะสมกับสภาพถนน เพื่อควบคุมรถบนถนนที่ลื่นและรักษาระยะห่างจากรถคันหน้ากว่าปกติ เป็นต้น
การชาร์จรถไฟฟ้าขณะฝนตก

ขอตอบว่าไร้กังวลได้เลย เพราะปัจจุบันมีแท่นชาร์จมากมายที่กระจายอยู่ทั่วประเทศ พร้อมอำนวยความสะดวกให้ผู้ใช้รถไฟฟ้าสามารถชาร์จรถได้อย่างสะดวกสบาย แท่นชาร์จจากหลายบริษัทได้รับการออกแบบมาเป็นอย่างดีตามมาตรฐาน และมีระบบป้องกันหรือที่ครอบซึ่งจะมีช่องที่สามารถระบายน้ำได้ ถึงแม้ในช่วงฝนตกหรือมีน้ำขังที่เต้ารับ ก็วางใจได้ว่าจะไม่มีน้ำขังอยู่ที่บริเวณหัวประจุ รวมถึงมีการติดตั้งระบบตัดไฟรั่วและลงสายดินไว้เช่นกัน และตัวรถส่วนใหญ่ยังมีซีลกันน้ำที่สามารถกันฝุ่นและกันน้ำสาดได้ ที่จะช่วยป้องกันน้ำฝนกระเด็นเข้าไปยังขั้วชาร์จไฟฟ้าได้เป็นอย่างดี รวมถึงระบบเซ็นเซอร์จะตัดกำลังไฟฟ้าทันทีหากพบกระแสไฟรั่วไหลในวงจร แต่ผู้ใช้งานสามารถเพิ่มความปลอดภัยได้ด้วยการสำรวจบริเวณแท่นชาร์จ หัวประจุ และสายไฟทุกครั้งก่อนชาร์จว่าอยู่ในสภาพสมบูรณ์หรือไม่ รวมถึงเช็ดทำความสะอาดบริเวณจุดที่ชาร์จให้แห้งก่อนปิดฝา
ขับรถไฟฟ้าลุยน้ำได้ ลุยฝนได้อย่างอุ่นใจ ปลอดภัยหายห่วง

สามารถขับรถไฟฟ้าลุยน้ำได้ ลุยฝนได้อย่างอุ่นใจ ปลอดภัยหายห่วง เพราะระบบในรถได้รับการปกป้องเป็นอย่างดีและป้องกันสิ่งแปลกปลอมเข้าไปในระบบ รถไฟฟ้ายังมีการทดสอบ IP Rating (Ingress Protection) ซึ่งเป็นค่ามาตรฐานในการป้องกันของแข็งและของเหลวเล็ดลอดเข้าภายในตัวรถ ซึ่งค่ามาตรฐานสำหรับรถไฟฟ้าโดยทั่วไปอยู่ที่ IP67 การันตีว่าสามารถป้องกันความเสียหายที่เกิดจากน้ำท่วมไม่เกิน 1 เมตรได้ ภายในเวลาไม่เกิน 30 นาที และยังสามารถกันฝุ่นได้อย่างสมบูรณ์ และยังสามารถขับลุยน้ำได้ลึกถึง 40 เซนติเมตร หากจำเป็นต้องขับรถขณะน้ำท่วม ผู้ใช้งานควรเพิ่มความระมัดระวังยิ่งขึ้น ค่อยๆ ขับโดยใช้ความเร็วต่ำ คอยระวังสิ่งกีดขวางบนท้องถนน เช่น ท่อนไม้หรือก้อนหิน ซึ่งอาจสร้างความเสียหายให้กับแบตเตอรี่ได้ และพยายามไม่จอดรถค้างไว้เป็นเวลานาน โดยหลังจากที่ขับรถลุยน้ำในระดับสูงและเป็นระยะเวลานาน ผู้ใช้สามารถนำรถเข้าศูนย์บริการเพื่อตรวจเช็ครถยนต์เพื่อเพิ่มความมั่นใจในการใช้งานได้อีกทาง นอกจากนั้น ผู้ใช้งานควรศึกษาคู่มือการใช้งานรถไฟฟ้าให้ดีว่าสามารถป้องกันสิ่งแปลกปลอมได้มากเพียงใดเพื่อที่จะได้ใช้งานรถได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ บทความดีๆ จาก ล็อตโต้สด
