
ขับขี่ปลอดภัยในช่วงอายุเท่าไหร่ถึงจะเหมาะสมที่สุด
อายุที่ขับขี่ปลอดภัยที่สุดสำหรับผู้ขับขี่อายุน้อยคือ 18 ปี ใบขับขี่เป็นความรับผิดชอบที่ยิ่งใหญ่ และไม่ควรมอบให้ใครก็ตามที่อายุต่ำกว่า 18 ปี การพัฒนาความรู้ความเข้าใจของสมองยังไม่สิ้นสุดจนกว่าจะถึงช่วงต้นทศวรรษที่ 20 และนี่เป็นช่วงเวลาที่สำคัญสำหรับการเรียนรู้วิธีขับรถขับขี่ปลอดภัย สิ่งนี้สามารถนำไปสู่อุบัติเหตุร้ายแรง ซึ่งสามารถหลีกเลี่ยงได้หากคนขับมีประสบการณ์มากกว่านี้
ผู้ขับขี่อายุน้อยยังมีโอกาสสูงที่จะมีส่วนร่วมในอุบัติเหตุกับคนขับอายุน้อยอีกคน ซึ่งทำให้ความเสี่ยงที่จะถูกทำร้ายมากยิ่งขึ้น อันที่จริง มีอุบัติเหตุร้ายแรงถึงชีวิตเพิ่มขึ้นอย่างมากในผู้ที่มีอายุระหว่าง 16 ถึง 24 ปีในฐานะผู้ขับขี่หรือผู้โดยสาร เมื่อเทียบกับผู้ที่มีอายุ 25 ปีขึ้นไป
อายุที่ดีที่สุดในการขับขี่ปลอดภัยขึ้นอยู่กับการโต้วาที บางคนบอกว่าเด็กอายุ 16 ปียังเด็กเกินไปและไม่มีประสบการณ์ ในขณะที่บางคนบอกว่าเด็กอายุ 14 ปียังเด็กเกินไปและไม่มีประสบการณ์ วันนี้ ออโต้คาร์ จะพามาดู

การขับขี่ปลอดภัยความปลอดภัยเป็นปัญหาหลัก
ผู้ขับขี่ต้องจำไว้ว่าต้องขับรถอย่างตั้งรับตลอดเวลา อย่าละสายตาจากถนน และคาดเข็มขัดนิรภัยเสมอ
ผู้ขับขี่อายุน้อยมักถูกพิจารณาว่าเป็นผู้ที่มีอายุต่ำกว่า 25 ปี อย่างไรก็ตาม นี่ไม่ได้หมายความว่าไม่มีช่วงอายุใดที่ขับขี่ปลอดภัยกว่าคนอื่น มีบางกรณีที่เด็กอายุ 18 ปีสามารถขับรถได้ด้วยตัวเองโดยขับขี่ปลอดภัยไม่มีปัญหาอะไรมาก ในขณะที่สำหรับผู้ขับขี่คนอื่น ๆ อาจทำได้ยากกว่า

ปัจจัยที่สำคัญที่สุดในการพิจารณาการขับขี่ปลอดภัยสำหรับผู้ขับขี่รุ่นเยาว์คือปริมาณประสบการณ์ในการขับขี่ ตัวอย่างเช่น บางคนอาจเชื่อว่าเด็กอายุ 18 ปีมีความพร้อมมากกว่าคนที่เพิ่งอายุ 16 ปี เพราะพวกเขาจะมีเวลาอยู่หลังพวงมาลัยมากกว่าคู่ที่อายุเท่ากัน
ดังนั้นในเมื่อเกิดการถกเถียงและยังไม่มีข้อสรุปที่แน่ชัดว่าอายุเท่าไหร่กันแน่ที่เหมาะสมและเป็นเกณฑ์ในการที่จะขับขี่ปลอดภัย จึงมีทางออกก็คือควรตระหนักรู้และคำนึงในเรื่องการขับขี่ปลอดภัยให้กับทุกช่วงวัยไปเลยเพื่อเป็นการปลูกฝังค่านิยมการขับขี่ปลอดภัยและเพื่อป้องกันอุบัติเหตุทางท้องถนนได้ โดยเรื่องหลักที่ควรจะให้พวกเหล่านั้นได้รู้เลยก็คือ ในเรื่องของทักษะการขับรถอย่างดี การตรวจสอบสภาพของรถก่อนที่จะออกเดินทาง การปฏิบัติตามกฎจราจร การเมาไม่ขับ สถานการณ์ที่ควรจะหลีกเลี่ยงขณะขับรถ เช่น การหลีกการขับขี่เข้าใกล้กับรถบรรทุก การสวมหมวกกันน็อคทุกครั้งเมื่อขับรถ เป็นต้น
ขอบคุณที่มา : https://www.dlt.go.th/th/public-news/view.php?_did=2738