รีวิวรถ

เปิดสเปกรถ Crossover SUV สมรรถนะสูง BMW XM 2023 

เปิดสเปกรถ Crossover SUV สมรรถนะสูง BMW XM 2023 ขนาดใหญ่ 5 ที่นั่ง ที่พร้อมเตรียมเปิดตัวในไทย ด้วยเครื่องยนต์ปลั๊กอินไฮบริด 653 แรงม้า ขับเคลื่อน 4 ล้อ จากแผนกมอเตอร์สปอร์ต M Division ของ BMW ที่เน้นพละกำลังและประสบการณ์การขับขี่แบบฮาร์ดคอร์ จะเป็นอย่างไรวันนี้ออโต้คาร์จะมาเปิดสเปกกันก่อนใคร

ดีไซน์ภายนอก Crossover SUV ของ BMW XM 2023 

การออกแบบของ BMW XM 2023 เป็นยุคใหม่ที่ดูโมเดิร์น ตั้งแต่การใช้กระจังหน้า Kidney Grille ทรงแปดเหลี่ยมขนาดใหญ่ ไฟหน้าสองชั้น ด้านบนเป็นไฟวิ่งกลางวันและซ่อนไฟใหญ่ไว้ที่มุมกันชน ส่วนพื้นผิวตัวถังเน้นสันเหลี่ยม พร้อมกับใช้สีทองเพิ่มความเด่นตามจุดต่าง ๆ รอบคัน

รุ่นนี้นั้นเพิ่มการติดโลโก้ BMW ที่มุมกระจกหลังทั้ง 2 ด้าน คล้ายกับ BMW M1 รถ M และซูเปอร์คาร์รุ่นแรกของ BMW ที่ติดไว้มุมท้ายรถ ล้อจะมีให้เลือก 5 ลาย ขนาดตั้งแต่ 21-23 นิ้ว เพื่อให้เข้ากับขนาดตัวถังที่ยาวถึง 5,110 มม. กว้าง 2,005 มม. สูง 1,755 มม. ระยะฐานล้อ 3,105 มม. และมีน้ำหนักตัว 2,785 กิโลกรัม หรือเกือบ 2.8 ตัน

ดีไซน์ภายใน Crossover SUV ของ BMW XM 2023 

ภายในห้องโดยสาร BMW XM 2023 เป็นการผสมกันระหว่างความโมเดิร์น พรีเมียม ความคลาสสิก และความสปอร์ต ในเยอรมนีจะมีคู่สีให้เลือก 4 แบบ เบาะ-แผงประตู-คอนโซล ดำล้วน (Black), เบาะส้ม (Sakhir Orange) แผงประตู-คอนโซล ดำ, เบาะเทา (Silverstone) แผงประตู-คอนโซล น้ำตาลวินเทจ และน้ำเงิน (Deep Lagoon) แผงประตู-คอนโซล น้ำตาลวินเทจ

เบาะจะหุ้มด้วยหนังแท้เกรดสูง Merino จากแผนกสั่งพิเศษ BMW Individual ทั้งหมดตกแต่งด้วยแถบคาร์บอนไฟเบอร์ เบาะคู่หน้า BMW XM 2023 เป็นแบบสปอร์ต M Multifuntion พร้อมสัญลักษณ์ XM เรืองแสง เบาะหลัง M Lounge ออกแบบคล้ายโซฟา เดินตะเข็บแบบ Diamond Cut

และมีแผงหลังคาเรืองแสงลายเรขาคณิต 3 มิติ พร้อมไฟ Ambient Light ไฟนี้จะเปลี่ยนไปตามโหมดการขับขี่ รวมถึงเลือกปรับแต่งได้เองตามต้องการ มีจอมอนิเตอร์เป็นจอโค้ง BMW curved dispaly ขนาดใหญ่วางในแนวนอน ขนาด 12.3 นิ้ว และจอควบคุม Control Display ขนาด 14.9 นิ้ว ใช้ระบบปฏิบัติการ BMW OS 8 พวงมาลัยติดตั้งปุ่ม M Setup ที่ช่วยให้คนขับเลือกปรับแต่งการตอบสนองการขับขี่ได้

เครื่องยนต์และสมรรถนะ Crossover SUV ของ BMW XM 2023 

BMW XM 2023 มาพร้อมกับเทคโนโลยีปลั๊กอินไฮบริด (M Hybrid) ประกอบด้วยเครื่องยนต์เบนซินแบบวี 8 สูบ ขนาด 4.4 ลิตร เทอร์โบ กำลังสูงสุด 489 แรงม้า ที่ช่วง 5,400-7,200 รอบ/นาที และแรงบิดสูงสุด 650 นิวตันเมตร ที่ช่วง 1,600-5,000 รอบ/นาที โดยเป็นการทำงานประสานกับมอเตอร์ไฟฟ้ากำลังสูงสุด 197 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 280 นิวตันเมตร

เกียร์อัตโนมัติ 8 สปีด ขับเคลื่อน 4 ล้อ โดยจะมีกำลังรวมกันทั้งระบบ 653 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 800 นิวตันเมตร สามารถเร่งจาก 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ภายในเวลา 4.3 วินาที ความเร็วสูงสุด 250 กิโลเมตร/ชั่วโมง (และ 140 กิโลเมตร/ชั่วโมง เมื่อวิ่งด้วยไฟฟ้าล้วน) ส่วนระยะทางวิ่งด้วยไฟฟ้าล้วนทำได้ 82-88 กิโลเมตร 

สีตัวถัง BMW XM 2023 มีทั้งหมด 7 สี ได้แก่ สีดำ M Carbon Black Metallic, ดำ Sapphire Black Metallic สีดำ, ขาว, น้ำเงิน, แดง, เขียว, เทา

เปิดสเปกรถ Crossover SUV ไฟฟ้า 7 ที่นั่ง Volvo EX90 2023

เปิดสเปกรถ Crossover SUV ไฟฟ้า 7 ที่นั่ง Volvo EX90 2023 เป็นรถยนต์ไฟฟ้าอเนกประสงค์ โดยคาดว่าจะเป็นช่วงครึ่งหลังของปีนี้ และยังมีระยะทางวิ่ง 580-585 กิโลเมตร ต่อการชาร์จ 1 ครั้งเลยทีเดียว ดังนั้นบทความนี้ออโต้คาร์เราจะพาทุกท่านมาเปิดสเปก Volvo EX90 2023 ดู

ดีไซน์ภายนอก Crossover SUV ของ Volvo EX90 2023 

โดยการออกแบบที่จะมาคล้ายกับหุ่นยนต์ การดีไซน์มินิมอลเรียบสงบ และโมเดิร์น Volvo EX90 2023 โดยกระจังหน้าเป็นแบบปิดทึบ ใช้ไฟทรง T-Shaped ที่เป็นซิกเนเจอร์ของ Volvo ยุคใหม่ ไฟวิ่งกลางวันเป็นลายแพทเทิร์นเรืองแสง ขณะที่ตัวถังเน้นเส้นตรงและพื้นผิวเรียบกว้างลดทอนรายละเอียดลง

ด้านท้ายแยกชุดไฟเป็น 2 ส่วน ได้แก่ ด้านล่างเป็นทรง C-Shaped และด้านบนเสา C ในแนวตั้งแบบ Black-out กลมกลืนไปกับกระจกหลัง และล้ออัลลอยให้ขนาด 21 ลาย Aero 8 ก้าน เป็นมาตรฐาน ส่วนลาย Aero 5 ก้าน ขนาด 22 นิ้ว จะเป็นออปชั่น ตัวถังมีความยาว 5,037 มม. กว้าง 1,964 มม. สูง 1,744 มม. ระยะฐานล้อยาว 2,985 มม.

ดีไซน์ภายใน Crossover SUV ของ Volvo EX90 2023 

มาดูภายในที่มาพร้อมกับสไตล์โมเดิร์น มินิมอล บรรยากาศเรียบง่ายตรงไปตรงมาไม่ซับซ้อน แต่ดูมีมิติ ให้ความรู้สึกสงบ อบอุ่น ด้วยแผงหน้าปัดทรง T-Shaped มีช่องแอร์แนวยาวคาดกลาง ตกแต่งด้วยลายไม้แท้ ทุกแบบจะมีไฟเรืองแสงลายกราฟิกสว่างขึ้นในตอนกลางคืน

Volvo EX90 2023 มีจอมัลติฟังก์ชั่นแนวตั้งความละเอียดสูงขนาด 14.5 นิ้ว ทำงานได้เหมือนสมาร์ตโฟน และมีจอมอนิเตอร์ขนาดเล็กแสดงข้อมูลจำ เป็นสำหรับผู้ขับขี่แยกออกมาอยู่ด้านหลังพวงมาลัย ระบบเครื่องเสียง Bowers & Willkins เบาะมีให้เลือก 4 แบบ ทั้งหุ้มด้วยวัสดุสังเคราะห์ Nordico ไม่มีส่วนผสมของหนังสัตว์และสามารถรีไซเคิลได้ ทำความสะอาดง่าย และให้ผิวสัมผัสนุ่ม 

เครื่องยนต์และสมรรถนะ Crossover SUV ของ Volvo EX90 2023 

• รุ่น Ultra Twin Motor

เป็นการขับเคลื่อน 4 ล้อ ใช้มอเตอร์ไฟฟ้า 2 ตัว จ่ายไฟด้วยแบตเตอรี่ขนาด 111 กิโลวัตต์-ชั่วโมง กำลังสูงสุด 408 แรงม้า และแรงบิด 770 นิวตันเมตร อัตราเร่งจาก 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ใช้เวลา 5.9 วินาที ความเร็วสูงสุด 180 กิโลเมตร/ชั่วโมง ระยะทางวิ่งสูงสุด 585 กิโลเมตร  

• รุ่น Ultra Twin Motor Performance

เป็นการขับเคลื่อน 4 ล้อ ใช้มอเตอร์ไฟฟ้า 2 ตัว จ่ายไฟด้วยแบตเตอรี่ขนาด 111 กิโลวัตต์-ชั่วโมง กำลังสูงสุด 517 แรงม้า และแรงบิด 910 นิวตันเมตร อัตราเร่งจาก 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ใช้เวลา 4.9 วินาที ความเร็วสูงสุด 180 กิโลเมตร/ชั่วโมง ระยะทางวิ่งสูงสุด 580 กิโลเมตร

เทคโนโลยีและความปลอดภัย Crossover SUV ของ Volvo EX90 2023 

ด้านความปลอดภัยที่น่าสนใจ เป็นระบบ Pilot Assist หรือระบบช่วยขับขี่ ที่อาศัยการทำงานจากเรดาร์ กล้อง และอัลตราซาวน์เซ็นเซอร์ โดยตัวรถจะสามารถตรวจสอบสภาพการจราจรล่วงหน้า ตรวจจับเส้นจราจร และช่วยกำหนดความเร็วในการเดินทาง รักษาระยะห่างได้ตามสถานการณ์ในขณะนั้นเพื่อลดความผิดพลาดของผู้ขับขี่ 

Volvo EX90 2023 มีกระจกด้านข้างและด้านหลังจะเป็นแบบ 2 ชั้น (laminated), ระบบกุญแจที่ตั้งค่าตรวจสอบระดับแอลกอฮอล์ หรือถุงลมนิรภัยที่พองตัวได้ 2 ระดับ ตามความรุนแรง เป็นต้น Volvo EX90 2024 ในยุโรปมีสีตัวถังให้เลือกทั้งหมด 7 สี ได้แก่ สีดำ, สีน้ำเงิน, สีเทา, สีเงิน, สีเทา, สีน้ำตาล, สีขาว

เปิดสเปก Honda CR-V 2023 เจเนอเรชั่นที่ 6 โดดเด่นสไตล์เฉพาะตัว

เปิดสเปก Honda CR-V 2023 เจเนอเรชั่นที่ 6 โดดเด่นสไตล์เฉพาะตัว เมื่อรถยนต์อเนกประสงค์แบบ Crossover SUV ขนาดคอมแพกต์ ที่มาพร้อมเทคโนโลยีไฮบริด e:HEV และ 1.5 Turbo อัตราสิ้นเปลืองต่ำลง ดังนั้นบทความนี้ออโต้คาร์เราจะมานำเสนอ จะเป็นอย่างไร ตามมาดูกันเลย

ดีไซน์ภายนอกของ Honda CR-V 2023 เป็นอย่างไร

มาแล้วโฉมใหม่ เจเนอเรชั่นที่ 6 ที่แข็งแกร่ง ทะมัดทะแมง มั่นคงมากขึ้น จากสัดส่วนซึ่งออกแบบให้ฝากระโปรงหน้ามีความยาวกว่าเดิม กระจังหน้าทรงหกเหลี่ยม แพทเทิร์นลาย 3 มิติ พ่นสีดำ ด้านการเดินแนวเส้นตรงคาดด้านข้างตัวถัง

มาดูส่วนของไฟท้ายคงเอกลักษณ์เดิมทรง b-Shaped แต่ดูสปอร์ตด้วยโคมรมดำกับเส้นไฟหักมุมและซับซ้อน ส่วนขนาดตัวถังมีความยาว 4,694 มม. กว้าง 1,867 มม. สูง 1,689 มม. (ขับเคลื่อน 4 ล้อ AWD) และ 1,682 มม. (ขับเคลื่อนล้อหน้า) ระยะฐานล้อ 2,700 มม.

ดีไซน์ภายในของ Honda CR-V 2023 เป็นอย่างไร

ด้านในของห้องโดยสาร Honda CR-V 2023 ที่มาพร้อมกับใช้แผงหน้าปัดคล้าย Honda Civic 2022 ด้วยชุดเรือนไมล์ทรงหกเหลี่ยมแบบดิจิทัลขนาด 7 นิ้ว เดินแผงช่องแอร์กรุลายคาดกลางยาวตลอดแนว ด้านบนติดตั้งจอมัลติฟังก์ชันขนาด 7 และ 9 นิ้ว แล้วแต่รุ่นย่อย ด้านล่างเป็นควบคุมระบบปรับอากาศ คอนโซลกลางต่างออกไปเล็กน้อย ย้ายตำแหน่งช่องวางแก้วมาอยู่ด้านหลังแทนด้านข้าง

เจเนอเรชั่นที่ 6 นี้มีวัสดุภายใน Honda CR-V 2023 จะให้สัมผัสดีขึ้นกว่าโฉมปัจจุบัน ห้องโดยสารมีเสียงรบกวนต่ำลง มีพื้นที่วางขาเบาะหลังเพิ่มมากกว่าเดิมนิดหน่อย ประมาณ 15 มม. และพนักพิงเบาะหลังยังปรับเอนได้ 8 ระดับ ตลอดจนพื้นที่เก็บสัมภาระท้ายรถก็มีความจุเพิ่มขึ้น 

เครื่องยนต์และสมรรถนะของ Honda CR-V 2023 เป็นอย่างไร

• สำหรับเครื่องเบนซิน 4 สูบ ขนาด 1.5 ลิตร VTEC เทอร์โบ กำลังสูงสุด 190 แรงม้า ที่ 6,000 รอบ/นาที และแรงบิดสูงสุด 243 นิวตันเมตร ช่วงกว้างมาก ตั้งแต่ 1,700-5,000 รอบ/นาที
• สำหรับเครื่องยนต์เบนซิน ไฮบริด e:HEV เครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ 2.0 ลิตร (Atkinson-Cycle) หัวฉีดตรง ทำงานประสานกับมอเตอร์ไฟฟ้า 2 ตัว กำลังรวมกันสูงสุด 204 แรงม้า และแรงบิด 337 นิวตันเมตร

เทคโนโลยีและความปลอดภัยของ Honda CR-V 2023 เป็นอย่างไร

ด้านระบบความปลอดภัย Honda CR-V 2023 จะมีระบบช่วยขับขี่ Honda Sensing ที่ได้กล้องหน้ากับเรดาร์ใหม่ เพิ่มระบบ Traffic Jam Assist ช่วยขับขี่ในสภาพการจราจรติดขัด, ระบบอ่านป้ายจราจร, ระบบช่วยเบรกที่ความเร็วต่ำ

และยังมีระบบควบคุมความเร็วแปรผัน ระบบรักษาช่องทางจราจร ระบบเตือนมุมอับสายตามีการปรับปรุงเพิ่มเติม นอกเหนือจากนี้ ถุงลมนิรภัยคู่หน้าได้รับการออกแบบให้ปกป้องผู้โดยสารได้ดีขึ้น รวมถึงเพิ่มถุงลมหัวเข่า และถุงลมนิรภัยด้านข้างสำหรับผู้โดยสารตอนหลังเป็นอุปกรณ์มาตรฐาน

สีของ Honda CR-V 2023 เจเนอเรชั่นที่ 6 มีสีอะไรบ้าง

1. สีดำ Crystal Black Pearl
2. สีเทา Urban Gray Pearl
3. สีเทา Meteorite Gray Metallic
4. สีเงิน Lunar Silver Metalic
5. สีขาว Platinum White Pearl
6. สีน้ำเงิน Canyon River Blue Metallic
7. สีน้ำเงิน Still Night Pearl
8. สีแดง Radient Red Metallic

เปิดตัวมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้า 2023 มีรุ่นไหนน่าสนใจบ้าง

เปิดตัวมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้า 2023 มีรุ่นไหนน่าสนใจบ้าง จากกระแสความนิยมของรถยนต์ไฟฟ้าที่ได้รับความสนใจเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องแล้ว มอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าก็เป็นอีกยานพาหนะที่หลายคนกำลังรอว่าจะมีผลิตออกมาให้ใช้งานกัน วันนี้ออโต้คาร์เราได้รวบรวมรถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้า 2023 ทั้งหมดทั้งที่เปิดตัวแล้วหรือกำลังจะเปิดตัวมาให้ดู ส่วนจะมีคันไหนน่าสนใจบ้าง ไปดูกันเลย

รถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้า 2023 ที่มาพร้อมกับเทคโนโลยีสุดล้ำ 

1. BMW CE04 

รถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้า 2023 ที่มีดีไซน์ล้ำอนาคตที่มีรูปทรงแปลกตา คล้ายกับหุ่นยนต์ติดล้อหรือยานอวกาศ วิ่งได้ต่อการชาร์จไฟ 1 ครั้ง ระยะทางไกลสุด 130 กิโลเมตร ทำความเร็วได้สูงสุด 120 กิโลเมตร/ชั่วโมง ราคาประมาณ 859,000 บาท สามารถเร่งจาก 0-50 กิโลเมตร/ชั่วโมง ภายในเวลา 2.6 วินาทีเท่านั้น

2. EM Bike Legend

อีกหนึ่งมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้า 2023 ดีไซน์โมเดิร์นคลาสสิก ราคาประมาณ 54,900 บาท และมาพร้อมกับการสตาร์ทรถโดยไม่ใช้กุญแจ ขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าและแบตเตอรี่ขนาด 72V สามารถวิ่งได้ระยะทางไกล 75 กิโลเมตร ต่อการชาร์จไฟ 1 ครั้ง ระบบเบรกแบบดิสก์หน้าและหลัง เหมาะกับการใช้งานในเมืองหรือพื้นที่ที่มีการจราจรหนาแน่น

3. EM Bike Robo-S รถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้า 2023

ราคาประมาณ 129,000 บาท กับดีไซน์ตัวรถทรงคลาสสิกผสมกับความโมเดิร์น ติดตั้งมอเตอร์ไฟฟ้าที่แรงกว่าในรุ่น Legend แบตเตอรี่ขนาด 72V วิ่งได้ระยะทางไกล 110 กิโลเมตร ต่อการชาร์จไฟ 1 ครั้ง ทำความเร็วได้สูงสุด 80 กิโลเมตร/ชั่วโมง และสามารถสตาร์ทรถด้วยลายนิ้วมือ

4. EM Bike Miku Super

มอเตอร์ไซค์ไฟฟ้า 2023 ทรงสปอร์ต ราคาประมาณ 149,000 บาท ดีไซน์ตัวรถเหมือนมอเตอร์ไซค์เนกเคดไบค์ย่อส่วน ใช้มอเตอร์ไฟฟ้าและแบตเตอรี่แบบเดียวกับรุ่น Robo-S วิ่งได้ต่อการชาร์จไฟ 1 ครั้ง ระยะทางไกล 110 กิโลเมตร ทำความเร็วได้สูงสุด 80 กิโลเมตร/ชั่วโมง และสามารถสตาร์ทรถด้วยลายนิ้วมือ 

5. Felo FW-06 

ราคาประมาณ 130,800 บาท รถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้า 2023 ดีไซน์สปอร์ต คล้ายทรงวิบากขนาดเล็ก ไฟหน้า LED มีไฟส่องสว่างในเวลากลางวัน หน้าจอมาตรวัดแบบดิจิทัล ขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าและแบตเตอรี่ขนาด 10kW มีโหมดการขับขี่ให้เลือก 2 โหมด คือ แบบ Low ที่เน้นประหยัดพลังงาน เหมาะกับการขี่ในเมือง และ High ที่จะปล่อยพลังงานไฟฟ้าแบบสูงสุด หรือคล้ายกับโหมดสปอร์ต 

6. Felo E JET

เป็นมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้า 2023 ขนาดเล็ก ที่กำลังคาดว่าจะมีการประกาศราคาเป็นทางการในปีนี้ ดีไซน์ตัวรถแบบเรียบง่าย ใช้พละกำลังมอเตอร์ไฟฟ้าและแบตเตอรี่ขนาด 72V เหมาะกับการขี่ในเมืองที่มีการจราจรหนาแน่น สามารถวิ่งได้ระยะทางไกล 90 กิโลเมตร ต่อการชาร์จไฟ 1 ครั้ง 

สรุป

ในปีนี้ที่ยังมีการคาดว่าจะยังมีเทคโนโลยีที่พัฒนาขึ้นอีกมากมาย ดังนั้นมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้า 2023 ซึ่งมีข้อดีคือเป็นพลังงานที่สะอาด ต่างจากการใช้รถมอเตอร์ไซค์ทั่วไปที่ใช้น้ำมัน ซึ่งสร้างมลพิษต่อสิ่งแวดล้อม ตอตามเรื่องราวดี ๆ กันแบบนี้ได้ใหม่ในบทความถัดไปนะครับ

อ่านข่าว กีฬา บันเทิง ได้ที่ Lottosod888

รถครอบครัวขนาดเล็ก 2023 ตอบโจทย์ทุกการใช้งาน

รถครอบครัวขนาดเล็ก 2023 ตอบโจทย์ทุกการใช้งาน มาอัปเดตล่าสุดกับรถอเนกประสงค์ รวมถึงเป็นรถที่ใช้ในชีวิตประจำวันได้ โดยไม่จำเป็นต้องมีรถยนต์หรือมีรถใหม่หลายคัน ดังนั้นจะมีรุ่นไหนน่าสนใจบ้าง และเครื่องยนต์เบนซิน ตามออโต้คาร์มาดูเลย

รถครอบครัวขนาดเล็ก 2023 รุ่นไหนตอบโจทย์

1. Toyota Veloz

• รุ่น Smart ราคา 795,000 บาท
• รุ่น Premium ราคา 875,000 บาท

โดยจะมีอัตราสิ้นเปลืองเฉลี่ย 17.9 กิโลเมตร/ลิตร เกียร์อัตโนมัติ CVT ขับเคลื่อนล้อหน้า เครื่องยนต์เบนซินแบบ 4 สูบ ขนาด 1.5 ลิตร กำลังสูงสุด 106 แรงม้า ที่ 6,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 138 นิวตันเมตร ที่ 4,200 รอบ/นาที เป็นจัดวางเบาะรถครอบครัวขนาดเล็ก 3 แถว 7 ที่นั่ง ปรับเบาะได้ 7 รูปแบบ โดยเบาะแถว 2 พับได้ 60:40 เบาะแถว 3 แยกพับได้ 50:50

2. Suzuki XL7

• จำหน่ายเพียงรุ่นเดียว GLX ราคา 814,000 บาท

สำหรับรถครอบครัวขนาดเล็กคันนี้ที่มีอัตราสิ้นเปลืองเฉลี่ย 16.4 กิโลเมตร/ลิตร การขับเคลื่อนล้อหน้า  เครื่องยนต์เบนซินแบบ 4 สูบ ขนาด 1.5 ลิตร กำลังสูงสุด 105 แรงม้า ที่ 6,000 รอบ/นาที และแรงบิดสูงสุด 138 นิวตันเมตร ที่ 4,400 รอบ/นาที เกียร์อัตโนมัติ 4 สปีด การติดตั้งเบาะรถครอบครัวขนาดเล็ก3 แถว 7 ที่นั่ง โดยสำหรับเบาะแถว 2 แยกพับ 60:40 และเลื่อนเดินหน้า ถอยหลังปรับเอนได้ ส่วนเบาะแถว 3 แยกพับ 50:50 

3. Mitsubishi Xpander Cross

• มีเพียงรุ่นเดียว ราคา 939,000 บาท

รถครอบครัวขนาดเล็กอเนกประสงค์ มีการตกแต่งคล้ายรถ Crossover SUV เกียร์อัตโนมัติแบบ CVT ขับเคลื่อนล้อหน้า มีอัตราสิ้นเปลืองเฉลี่ย 16.4 กิโลเมตร/ลิตร เครื่องยนต์เบนซินแบบ 4 สูบ ขนาด 1.5 ลิตร กำลังสูงสุด 105 แรงม้า ที่ 6,000 รอบ/นาที และแรงบิดสูงสุด 141 นิวตันเมตร ที่ 4,000 รอบ/นาที การจัดวางเบาะ 3 แถว 7 ที่นั่ง เบาะแถว 2 เลื่อนเดินหน้า-ถอยหลัง และแยกพับ 60:40 พนักพิงแยกพับได้ 40:20:40 เบาะแถว 3 แยกพับ 50:50 ปรับเอนได้

4. Honda BR-V

• รุ่น E ราคา 915,000 บาท*
• รุ่น EL ราคา 973,000 บาท*

*ไม่รวมราคาสีพิเศษที่ต้องจ่ายเงินเพิ่ม

รถครอบครัวขนาดเล็กอเนกประสงค์แบบ Crossover SUV ขนาดเล็ก มีอัตราสิ้นเปลืองเฉลี่ย 16.1 กิโลเมตร/ลิตร เกียร์อัตโนมัติ CVT ขับเคลื่อนล้อหน้า รถครอบครัวขนาดเล็กเครื่องยนต์เบนซินแบบ 4 สูบ ขนาด 1.5 ลิตร กำลังสูงสุด 121 แรงม้า ที่ 6,600 รอบ/นาที และแรงบิดสูงสุด 145 นิวตันเมตร ที่ 4,300 รอบ/นาที

มาดูการวางเบาะแบบ 3 แถว 7 ที่นั่ง จะแยกพับ 60:40 สำหรับเบาะแถว 2 เพียงจังหวะเดียว รวมถึงเลื่อนเดินหน้า ถอยหลัง และจะปรับเอนได้ 3 ระดับ สุดท้ายเบาะแถว 3 แยกพับได้แบบ 50:50 และปรับเอนได้ 2 ระดับ

สรุป

การเลือกรถครอบครัวขนาดเล็กยังมีความสำคัญไม่แพ้กันคือ อุปกรณ์และฟังก์ชันการใช้งานต่าง ๆ เหมาะสมคุ้มค่า ตรงตามความต้องการหรือตอบสนองการใช้งานจริงได้ครบถ้วนหรือไม่ ดังนั้นการเลือกรถที่ใช่ก็จะเป็นการตอบโจทย์การใช้งานจริง

อ่านข่าว กีฬา บันเทิง ได้ที่ Lottosod888

รู้จักกับ Harley Davidson มอเตอร์ไซค์คลาสสิกระดับตำนาน

รู้จักกับ Harley Davidson มอเตอร์ไซค์คลาสสิกระดับตำนาน เพราะสำหรับฮาร์ลีย์-เดวิดสัน (Harley Davidson) เป็นชื่อของผู้ผลิตมอเตอร์ไซค์ชื่อ ด้วยรูปลักษณ์ของตัวรถอันโดดเด่น สมรรถนะแรงได้ใจ และเสียงของเครื่องยนต์อันเป็นเอกลักษณ์ จึงทำให้ได้รับความนิยมอย่างยาวนานนับร้อยปี ที่สำคัญการที่จะประสบความสำเร็จของฮาร์ลีย์ก็ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ วันนี้ออโต้คาร์ขอนำเสนอประวัติของ Harley Davidson ผู้ผลิตมอเตอร์ไซค์ระดับตำนานกัน

จุดเริ่มต้นและประวัติของ Harley Davidson

จุดเริ่มต้นขึ้นใน พ.ศ. 2446เมื่อวิลเลียม ฮาร์ลีย์ (William Harley) และสองพี่น้อง อาร์เธอร์ กับ วอลเตอร์ เดวิดสัน (Arthur Davidson และWalter Davidson) ได้ประดิษฐ์มอเตอร์ไซค์คันแรกด้วยการนำเครื่องยนต์ 1 สูบมาติดตั้งกับจักรยานเพื่อไว้ใช้งานเชิงพาณิชย์ โดยได้เริ่มทำธุรกิจผลิตจักรยานติดเครื่องยนต์จำหน่ายภายในกระท่อมหลังบ้านพวกเขา ที่เมืองมิลวอกี รัฐวิสคอนซิน ประเทศสหรัฐฯ และจักรยานติดเครื่องยนต์ก็ได้รับความนิยมมากขึ้น จึงได้ตั้งโรงงานขึ้นใน พ.ศ. 2449 และใน พ.ศ. 2453 ได้ใช้เครื่องหมายการค้าตราโล่ ที่เป็นตราในปัจจุบัน

เมื่อวิลเลียม ฮาร์ลีย์ ประดิษฐ์เครื่องยนต์ V-Twin ได้สำเร็จใน พ.ศ. 2450 โดยเครื่องยนต์ V-Twin รุ่นแรกมีขนาดกระบอกสูบ 880 ซีซี กำลัง 7 แรงม้า ทำความเร็วสูงสุด 100 กม./ชม. เข้าสู่ช่วงสงครามโลกครั้งที่ 1 ใน พ.ศ. 2460 Harley Davidson ได้ผลิตมอเตอร์ไซค์ให้กองทัพอเมริกาใช้งาน โดยถือเป็นรุ่นแรกที่ถูกใช้งานในการสงคราม 

ต่อมาใน พ.ศ. 2463 – 2472 Harley Davidson ประสบความสำเร็จด้านยอดขายอย่างมาก โดยกลายเป็นผู้ผลิตมอเตอร์ไซค์รายใหญ่ที่สุดของโลก ส่งออกมากกว่า 67 ประเทศ อีกทั้งยังประสบความสำเร็จด้านมอเตอร์สปอร์ตด้วยการทำลายสถิติความเร็วสูงกว่า 160 กม./ชม. ในช่วงทศวรรษ 1930 ช่วงของการเกิดวิกฤตเศรษฐกิจ ซึ่งฮาร์ลีย์-เดวิดสัน ก็ได้รับผลกระทบไม่น้อย มียอดขายหายไปถึงเกือบ 90 เปอร์เซ็นต์ 

รู้ไหมว่า Harley Davidson เป็นหนึ่งในสองผู้ผลิตมอเตอร์ไซค์ที่รอดจากวิกฤติเศรษฐกิจในสหรัฐฯ และเมื่อเข้าสู่ช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 กองทัพสหรัฐฯ จึงได้ให้ฮาร์ลีย์-เดวิดสัน ผลิตมอเตอร์ไซค์สำหรับใช้งานในกองทัพอีกครั้ง ใน พ.ศ. 2493-2502 ค่ายฮาร์ลีย์-เดวิดสัน นำเทคโนโลยีแบบไฮโดรลิกมาใช้กับมอเตอร์ไซค์ และได้นำเสนอฮาร์ลีย์รุ่น K ซึ่งพัฒนากลายเป็นรุ่นสปอร์ตสเตอร์ (Harley Davidson Sportster) รุ่นยอดนิยมของค่าย

ฮาร์ลีย์-เดวิดสัน ถูกซื้อกิจการโดย AMF (American Machine and Foundry) และทำให้ฮาร์ลีย์-เดวิดสัน เกือบล้มละลาย แต่ในที่สุดอดีตผู้บริหารและทายาทของผู้ก่อตั้งฮาร์ลีย์-เดวิดสัน ก็ได้รวมตัวกันซื้อบริษัท ฮาร์ลีย์-เดวิดสัน คืนและช่วยกันกอบกู้บริษัทจนกลับคืนสู่ความยิ่งใหญ่จนปัจจุบัน โดยเน้นการผลิตที่ได้คุณภาพ รักษาเอกลักษณ์ดั้งเดิมของ Harley Davidson ไว้ทั้งรูปทรง กำลังเครื่อง และเสียงได้อย่างครบถ้วน

มอเตอร์ไซค์ไฟฟ้า LiveWire One 

มอเตอร์ไซค์ไฟฟ้า LiveWire One กับการผสมผสานการออกแบบสไตล์คลาสสิกกับความล้ำสมัย ขุมพลังไฟฟ้า 105 แรงม้า มาพร้อมชุดแบตเตอรี่ลิเธียมไอออน 15.4 kWh เมื่อชาร์จเต็มจะวิ่งได้ไกล 235 กม. ที่มาในราคาเริ่มต้นเพียง 21,999 ดอลลาร์สหรัฐ หรือราคาโดยประมาณ 716,000 บาท ความเป็นมาของ LiveWire แบรนด์รถมอเตอร์ไซค์ใหม่ที่ได้แยกตัวมาจาก Harley-Davidson และตั้งเป้าจะผลิตมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้า โดยรถคันแรกของทางค่าย คือ LiveWire One ดังนั้นมาดูรุ่นที่สองจะเป็นอย่างไร ออโต้คาร์ จะเล่าให้ฟัง

รูปลักษณ์และดีไซน์ของ LiveWire One เป็นอย่างไร

เมื่อ LiveWire One ที่บอกเลยว่ายังคงรูปแบบดีเทลมาจากตัว Harley-Davidson LiveWire รูปทรงแบบที่ดูเหมือนการผสมผสานกันระหว่าง Naked Bike กับรถประเภท Cruiser ตัวถังจะมีทั้งแบบโมโนโทนสีดำและแบบทูโทนสีขาวสลับดำ โดยตัวรถจะมาพร้อมกับมาตรวัดความเร็วแบบจอสี TFT ขนาด 4.3 นิ้ว แบบสัมผัส เสริมด้วยฟังก์ชันสุดล้ำ Harley-Davidson’s Connect สามารถเชื่อมต่อกับ Smart Phone ของผู้ขับขี่ โดยผู้ขับขี่สามารถดูข้อมูลต่าง ๆ ของตัวรถได้ เช่น ปริมาณแบตเตอรี่ที่ยังคงเหลือ และระยะทางที่วิ่งได้ ระบบ GPS พร้อมแผนที่ ระบบกันขโมยส่งสัญญาณเตือนไปที่สมาร์ทโฟน เป็นต้น ที่สำคัญนั้นส่วนโครงสร้างตัวรถที่ทำจากอะลูนิเนียมน้ำหนักเบา ระบบกันสะเทือนหน้า หลังจาก Showa ที่สามารถปรับแต่งได้ ชุดเบรกหน้าหลังจาก Brembo ล้อจะเป็นอะอลูมิเนียมหล่อขึ้นรูปแบบ 5 ก้านแยก ขนาด 17 นิ้ว ทั้งด้านหน้าและด้านหลัง

เครื่องยนต์และสมรรถนะของ LiveWire One เป็นอย่างไร

การขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าขนาด 78 กิโลวัตต์ มี 105 แรงม้า แรงบิด 116 นิวตันเมตร มาพร้อมชุดแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนขนาด 15.4 kWh ที่ทาง LiveWire One ได้บอกไว้ว่าสามารถวิ่งได้ระยะทางถึง 235 กม./ชาร์จเต็ม 1 ครั้ง เมื่อขับขี่ในเมือง หากถ้าผสมผสานระหว่างการใช้งานในเมืองกับขับขี่บนทางหลวงก็จะอยู่ที่ 153 กม./ชาร์จเต็ม 1 ครั้ง โดยมีอัตราเร่งจาก 0-100 กม./ชม. ในเวลา 3 วินาทีเท่านั้น มีความเร็วสูงสุดอยู่ที่ 177 กม./ชม. เรื่องการใช้อุปกรณ์ชาร์จไฟ DC Fast Charger จะสามารถชาร์จไฟจาก 0-80% ได้ภายใน 40 นาที

ราคาจำหน่ายของ LiveWire One เป็นอย่างไร

ราคาเริ่มต้นที่ 21,999 ดอลลาร์สหรัฐ หรือโดยประมาณ 716,000 บาท และก็ถูกกว่าตอนที่เป็น Harley-Davidson LiveWire ที่ตอนนั้นเปิดราคามาอยู่ที่ 29,799 ดอลลาร์สหรัฐ หรือโดยประมาณ 973,000 บาท

ดังนั้นสำหรับใครที่กำลังมองหามอเตอร์ไซค์ไฟฟ้ารูปทรงเท่ LiveWire One ฮาร์เล่ย์ก็ได้เข้าเป็นผู้นำในตลาดรถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้า สร้างชื่อเสียงให้โลกจดจำและจะสร้างแบรนด์สินค้าให้ลูกค้าจดจำไปตลอดกาล จะมาสร้างความสดใหม่ให้กับสิงค์มอเตอร์ไซค์รุ่นใหญ่และเราจะทำให้เป็นตำนานให้โลกได้จดจำ ก็เป็นอีกตัวเลือกของรถมอเตอร์ไซค์ตัวแรงแบบรักษ์โลก

ยานพาหนะทางบก

ยานพาหนะทางบกคือยานพาหนะที่เคลื่อนที่บนบกและขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์ อาจเป็นรถยนต์หรือรถบรรทุก รถแทรกเตอร์หรือรถพ่วง รถบัส เครื่องบิน หรือเฮลิคอปเตอร์

ยานพาหนะทางบกในอีกความหมายหนึ่งคือรูปแบบของรถสองล้อที่ใช้เครื่องยนต์ที่คิดค้นโดยชาวอียิปต์โบราณ ยานพาหนะถูกใช้ในขนาดใหญ่เพื่อขนส่งคน สัตว์ และสินค้า

ยานพาหนะทางบกเป็นวิธีการขนส่งที่โดดเด่นและแพร่หลายที่สุดในยุคปัจจุบัน มีการใช้มานานหลายศตวรรษ อย่างไรก็ตาม ยานพาหนะทางบกยังคงเป็นสิ่งที่ต้องการการวิจัยและพัฒนามากกว่านี้

ยานพานหนะทางบกในความหมายของสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบการประกันภัยกล่าวไว้ว่า “ยานพาหนะทางบก หมายถึงเฉพาะรถที่เดินด้วยกำลังเครื่องยนต์โดยใช้พลังงาน เชื้อเพลิง เช่น น้ำมัน ก๊าซ หรือกำลังไฟฟ้า และรวมถึงรถพ่วง รถไฟ รถราง ยานพาหนะทางบก ให้หมายถึงเฉพาะรถที่ขับเคลื่อนด้วยกำลังเครื่องยนต์หรือมอเตอร์ ไฟฟ้าเท่านั้น โดยไม่คำนึงว่าจะสามารถจดทะเบียนหรือไม่สามารถจดทะเบียนได้ตามกฎหมายหรือไม่ก็ตาม”

สาเหตุที่ทำให้ยานพาหนะทางบกที่ยังคงได้รับความนิยม

เนื่องจากการเปิดตัวของตลาดรถยนต์เราได้เห็นการเพิ่มขึ้นอย่างมากในจำนวนผู้ที่ได้รับความสนใจจากมัน หลายคนหลงใหลในรถยนต์เนื่องจากประสิทธิภาพและความสะดวกสบาย รวมถึงความสวยงามด้วย

จุดสำคัญที่นี่คือยานพาหนะเหล่านี้ไม่ใช่แค่รถยนต์เท่านั้น สิ่งนี้สามารถใช้ในการทำงาน การขนส่ง กิจกรรมชุมชน และสิ่งอื่น ๆ อีกมากมาย เนื่องจากการขยายตัวของเมืองเพิ่มขึ้นและการคมนาคมขนส่งเป็นหนึ่งในแง่มุมที่สำคัญที่สุดในชีวิตของเรา จึงเป็นเรื่องธรรมดาที่เราจะเริ่มคิดหาวิธีใหม่ในการเคลื่อนย้ายสิ่งของ และยานพาหนะทางบกก็สามารถตอบโจทย์เราได้

มีการใช้ยานพาหนะทางบกมาเป็นเวลานาน เป็นวิธีที่ใช้ได้จริงในการขนส่งผู้คนและสินค้าไปยังจุดหมายปลายทาง เราจะเห็นได้ว่าผู้คนจำนวนมากใช้ยานพาหนะทางบกเป็นพาหนะในการเดินทาง ปลอดภัย ถูกและเร็วกว่าการขนส่งรูปแบบอื่น ผู้โดยสารไม่จำเป็นต้องพกพาสัมภาระหรือของใช้ส่วนตัวหรือสัมภาระในรูปแบบอื่น ๆ นอกจากนี้ยังช่วยประหยัดพื้นที่เนื่องจากสามารถวางได้ทุกที่ในรถ

ทิศทางและอนาคตของยานพาหนะทางบก

อนาคตของยานพาหนะทางบกไม่ได้เป็นเพียงทางเลือกในการขนส่งเท่านั้น แต่ยังเป็นโหมดการผลิตทางเศรษฐกิจที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมอีกด้วย

ตัวอย่างเช่น ถ้าเรามีทรัพยากรไม่จำกัดและเวลาไม่จำกัด (ซึ่งในกรณีของโลกปัจจุบัน) เราก็สามารถสร้างโครงสร้างขนาดใหญ่บนโลกได้ โครงสร้างแบบอัตโนมัติสามารถใช้ได้กับทุกสิ่งตั้งแต่การผลิตอาคารไปจนถึงการขนส่งสินค้าหรือการขนส่งผู้คนและแม้แต่การจัดหาที่พักพิง ระบบอัตโนมัติจะช่วยให้มนุษย์มุ่งเน้นไปที่การแสวงหาความคิดสร้างสรรค์มากขึ้นและช่วยให้เราใส่ใจน้อยลงเกี่ยวกับความหลากหลายทางชีวภาพของโลกของเรา นอกจากนี้ยังช่วยให้เราสามารถพัฒนาผลิตภัณฑ์ประเภทใหม่ ๆ โดยใช้ประโยชน์จากทรัพยากรที่ยิ่งใหญ่ที่สุด

อ่านบทความที่น่าสนใจ ออโต้คาร์

ขอบคุณที่มา : สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบการประกันภัย (คปภ.) 

มาทำความรู้จักกับรถออฟโรดกันเถอะ 

รถออฟโรดเป็นหนึ่งในยานพาหนะทั่วไปที่ผู้คนใช้เพื่อการพักผ่อนหย่อนใจ อย่างไรก็ตาม รถออฟโรด (ORV) มีคุณสมบัติด้านความปลอดภัยต่ำ ประสิทธิภาพการใช้เชื้อเพลิงต่ำ และไม่เหมาะสำหรับการเดินทางระยะไกล รถออฟโรดเป็นรถยนต์ขับเคลื่อนสี่ล้อ (4WD) ไปในทางทุรกันดารมีความยากลำบากกว่าถนนปกติ เพื่อจุดประสงค์ต่างๆกัน เช่น การแข่งขัน การปฏิบัติงาน การท่องเที่ยว การทดสอบรถ การถ่ายทำรายการสารคดี การบำเพ็ญประโยชน์ การลำเลียงสิ่งของ ผู้คน ปัจจัยต่างๆ หรืออาจจะเป็นการขนส่งเพื่อการบรรเทาทุกข์สำหรับพื้นที่ภัยพิบัติ เช่นน้ำท่วม ดินถล่ม รถวิบากเป็นที่นิยมใช้กันทั่วโลก ดังนั้นจึงเป็นสิ่งสำคัญที่จะต้องเข้าใจว่าผู้ขับขี่ ORV ขับรถและดูแลรถเหล่านี้อย่างไรเพื่อไม่ให้เกิดอุบัติเหตุ

รถออฟโรดเป็นแนวคิดที่มีมานานหลายศตวรรษ พวกมันถูกใช้เพื่อข้ามภูมิประเทศที่ขรุขระ นำทางในภูมิประเทศที่ยากและอันตราย และทำได้ด้วยความเร็วสูง รถออฟโรดแม้ว่าจะเป็นเครื่องจักรที่มีเทคนิคสูงและมีราคาแพง แต่ก็ยังคงเป็นกีฬาที่ได้รับความนิยมในทุกมุมโลก

อนาคตของรถยนต์ออฟโรดเป็นอย่างไร ?

อนาคตของรถยนต์ออฟโรดนั้นสดใส ด้วยการถือกำเนิดของรถยนต์ไร้คนขับ อย่างไรก็ตาม ปัญหาด้านความปลอดภัยของรถวิบากและอุบัติเหตุยังไม่ได้รับการแก้ไข ประเทศส่วนใหญ่ไม่มีระบบที่สามารถจัดการกับปัญหาเหล่านี้ได้ ในบางประเทศ เช่น ในเกาหลีและจีน พวกเขาไม่สามารถทำได้เนื่องจากขาดสิ่งอำนวยความสะดวกในการทดสอบ ดังนั้นเราจึงสามารถแก้ปัญหานี้ได้โดยการพัฒนาเทคโนโลยีใหม่สำหรับรถออฟโรด เพื่อความปลอดภัยบนท้องถนน

รถออฟโรดเป็นแบรนด์ที่มีเอกลักษณ์และน่าดึงดูด การออกแบบอันเป็นเอกลักษณ์และสีสันสดใสดึงดูดผู้คนนับล้านทั่วโลก นี่ควรเป็นหนึ่งในแบรนด์ที่โดดเด่นที่สุดในโลก ความท้าทายที่นี่คือการค้นหาวิธีบรรลุเป้าหมายนี้ผ่านการสื่อสารทางการตลาดที่ยอดเยี่ยม ตลอดจนการสร้างเรื่องราวของแบรนด์รถวิบากที่จะกลายเป็นความทรงจำที่น่าจดจำมากในหนังสือประวัติศาสตร์ นิตยสาร หนังสือพิมพ์ และในทีวี

เมื่อแยกจากกัน ยานพาหนะเหล่านี้จะไม่สามารถผ่านถนนแคบ ๆ ได้ พวกเขามีตัวเลือกมากมาย แต่พวกเขาต้องการคำแนะนำตามสถานที่และ/หรือปลายทาง 

เมื่อเทคโนโลยีพัฒนาขึ้น ผู้คนจำนวนมากขึ้นก็ยอมรับมัน ยานพาหนะที่ใหญ่ขึ้นและใหญ่ขึ้นกำลังมา อย่างไรก็ตาม เพื่อให้ได้ฟังก์ชันนี้ในรถไม่ใช่เรื่องง่าย มีบางบริษัทที่แก้ปัญหานี้และพวกเขาทำได้ดีมาก

บริษัทยานยนต์สร้างรถออฟโรดเอนกประสงค์ ซึ่งสามารถขับเคลื่อนได้ทั้งในสภาพเปียกและแห้งโดยเจ้าของรถสองล้อ ยานพาหนะมีระยะทางไกลซึ่งเหมาะสำหรับภูมิประเทศทุกประเภทที่สูงถึง 4,000 เมตร มันมีความสามารถในการฉุดลากที่ดีเนื่องจากยางนอกถนนพร้อมระบบเบรกป้องกันล้อล็อก (ABS) อ่านบทความที่น่าสนใจ ออโต้คาร์

ขอบคุณที่มา : https://sites.google.com/site/stu554803034/menu-dan-khang3-1 

ยานยนต์ไร้คนขับ คืออะไร ? 

ยานยนต์ไร้คนขับคือยานพาหนะที่ทำงานด้วยปัญญาประดิษฐ์ ยานพาหนะเหล่านี้จะสามารถบรรทุกคนได้คนเดียวเพื่อวัตถุประสงค์เฉพาะ ซึ่งหมายความว่าผู้ขับขี่สามารถจดจ่อกับสิ่งอื่นได้ เช่น การขับขี่ และไม่ต้องกังวลกับการควบคุมรถหรือพูดคุยกับผู้โดยสารหรือผู้ขับขี่คนอื่น ๆ

ปัจจุบันมียานยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วยตนเองหรือยานยนต์ไร้คนขับมากกว่า 50,000 คันบนท้องถนนในปัจจุบัน การสำรวจล่าสุดโดย AAA แสดงให้เห็นว่าหลายคนประสบกับข้อผิดพลาดบางประการ

ตอนนี้เราเริ่มชินกับแนวคิดเรื่องรถยนต์ไร้คนขับแล้ว และดูเหมือนว่าสิ่งต่าง ๆ กำลังจะเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้น เทคโนโลยีนี้มีแนวโน้มที่จะผลิตเป็นจำนวนมากภายในไม่กี่ปี สิ่งนี้จะนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในชีวิตประจำวันของเรา ตั้งแต่วิธีที่เราเดินทาง ไปจนถึงวิธีที่เราสื่อสารถึงกัน

แต่รู้หรือไม่พาหนะประเภทนี้ได้รับการพัฒนาโดยประเทศต่าง ๆ เพื่อฆ่าศัตรูโดยไม่ทำอันตรายต่อพลเรือน บางประเทศใช้เพื่อจุดประสงค์ในการลาดตระเวนในขณะที่บางประเทศใช้เป็นอาวุธในเกมสงคราม ในอนาคต ยานพาหนะเหล่านี้อาจทำให้เสียชีวิตได้หลายพันคนในขณะที่กำลังบินอยู่เหนือเมืองและบ้านของเราด้วยความเร็วสูง

ปัญหาที่ต้องแก้ไขของอุตสาหกรรมยานยนต์

อุตสาหกรรมยานยนต์เป็นหนึ่งในตลาดที่ได้รับความนิยมมาแต่ก็ยังมีปัญหาใหญ่ที่ต้องแก้ไขก่อนที่เราจะสามารถคาดหวังให้ภาคส่วนนี้เติบโตต่อไปได้ หนึ่งในปัญหาเหล่านี้คือการไม่มีระบบสาระบันเทิงและระบบนำทางในรถยนต์ ซึ่งจะทำให้การขับขี่มีอันตรายมากขึ้นและนำไปสู่การเกิดอุบัติเหตุบ่อยกว่าที่เคยเป็นมา ผู้ผลิตยานยนต์ได้ทำงานอย่างหนักเพื่อทำให้ระบบยานยนต์ไร้คนขับหรือยานยนต์อัตโนมัติปลอดภัยยิ่งขึ้น แต่จนถึงตอนนี้พวกเขายังไม่ประสบความสำเร็จในการทำให้พวกเขาขับขี่ได้อย่างปลอดภัยโดยปราศจากมนุษย์

หากยานยนต์ไร้คนขับถูกสร้างขึ้นมา มันจะมีประสิทธิภาพมากจนคุณคาดไม่ถึง ลองนึกภาพโลกที่รถยนต์ไม่จำเป็นต้องพูดคุยกับคนขับ แทนที่จะต้องเดินทาง เราแค่หยิบของกลับบ้านโดยไม่ต้องลงจากรถ เทคโนโลยีประเภทนี้มีศักยภาพในการใช้งานและประโยชน์มากมายไม่รู้จบ

รถยนต์ไร้คนขับเป็นแนวคิดล้ำยุคที่มีมาช้านาน มันยังทำให้หลายคนตื่นเต้นและอยากเห็นมันกลายเป็นความจริง แต่ถึงแม้จะฟังดูไม่น่าตื่นเต้นอย่างที่เราคิด แต่ความเป็นจริงแตกต่างไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง ในปัจจุบัน ยานยนต์ไร้คนขับนั้นไม่ได้ใช้งานง่ายและมีข้อจำกัดมากมายเมื่อเทียบกับรถยนต์ที่ขับเคลื่อนโดยมนุษย์

การขับขี่อัตโนมัติยังอีกยาวไกล และมีอุปสรรคมากมายที่บริษัทต่าง ๆ จำเป็นต้องเอาชนะเพื่อให้เทคโนโลยีนี้ทำงานแทนพวกเขาได้ จุดเน้นของบทความนี้อยู่ที่ความยากลำบากและความท้าทายที่บริษัทต่าง ๆ ต้องเผชิญเมื่อพยายามปรับใช้ยานพาหนะอัตโนมัติ อ่านบทความที่น่าสนใจ ออโต้คาร์